วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

มะลิ ไม้ดอกที่ไม่ได้เป็นแค่ไม้ประดับ

พืชพรรณไม้ที่เป็นประโยชน์และมีคุณค่าในทางสมุนไพร ยังมีมากมายหลายชนิดที่มนุษย์เรากำลังศึกษาและวิจัย ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่พืชผักเท่านั้น ยังรวมไปถึงผลไม้ซึ่งบางชนิดให้คุณค่าทางสารอาหารสูงกว่าพืชผักที่เราทานอยู่ทุกวันนี้ นอกจากนี้ ยังมีไม้ดอกไม้ประดับอีกมากที่แฝงไว้ด้วยคุณประโยชน์ทางยา ในการช่วยบำบัดและรักษาอาการเจ็บป่วยได้อย่างดีเยี่ยมโดยที่เราคาดไม่ถึง มะลิ ดอกไม้ไทยแท้ เป็นหนึ่งตัวอย่างง่ายๆ ของไม้ดอกไม้ประดับ ที่แทบทุกบ้านต้องปลูกไว้อย่างน้อย 1 ต้น คุณคงนึกไม่ถึงสินะว่า มะลินี้มีอะไรดีๆ มากกว่าที่เห็นๆ กัน อย่างนั้นก็ต้องแนะนำให้รู้จักกันหน่อยแล้ว มะลิ เป็นไม้ดอก-ไม้ประดับที่มีกลิ่นหอมเย็นใจให้ความรู้สึกสุขสงบ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Jasmine ส่วนชื่อทางภาษานักพฤกษศาสตร์ที่ใช้เรียกขานกัน คือ Jasminum sambac (L.) Ait. เป็นพืชในวงศ์ Oleaceae ส่วนบ้านเราไม่ว่าจะเป็นภาคใด ที่ไหนก็เรียกว่า มะลิ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กที่มีความสูงไม่มากนัก สูงอย่างเต็มที่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 2 เมตร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอได้รับความนิยมจากคนรักต้นไม้ให้เป็นตัวเลือกแรกที่จะปลูกไว้ในบ้าน มะลิเป็นไม้พุ่มที่แตกแขนงกิ่งก้านสาขาออกมามากมาย กิ่งอ่อนจะมีขนสั้นๆ นุ่มมือ ใบเป็นแบบใบเดี่ยวออกในลักษณะตรงข้ามกัน ใบค่อนข้างกลม ปลายใบมน สีเขียวเข้ม ดอกเป็นแบบดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อก็ได้ โดยแต่ละช่อมี 2-3 ดอกกลีบเลี้ยงเป็นหลอดสีขาว กลีบดอกสีขาวนวลตา กลิ่นหอมอวล ไม่ฉุนจัดจนเกินไป เลี้ยงง่าย เติบโตไว ไม่ต้องการความเอาใจใส่ หรือต้องดูและอะไรเป็นพิเศษ คุณค่าและคุณประโยชน์ คนสมัยก่อน นอกจากจะนิยมปลูกเอาไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับ เพื่อชื่นชมกับดอกสีขาวสวยนุ่มนวลชวนมองแล้ว เขายังเก็บดอกตูมมาใส่พานหรือถ้ามีเวลาว่างพอก็จะนำมาร้อยเป็นมาลัยกราบบูชาพระอีกด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลอยู่ในห้องพระ ให้ความรู้สึกสงบใจอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังนำดอกมะลิมาลอยในน้ำดื่มเย็นๆ ให้แขกผู้มาเยือนได้ดื่มกันอย่างชื่นอกชื่นใจ หรือจะนำดอกมะลิไปลอยในน้ำเชื่อมกินกับขนมหวานไทย ก็ทำให้มีกลิ่นหอมชวนทาน แต่ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่าดอกมะลิที่นำมาใช้ ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง ส่วนประโยชน์ทางสมุนไพรของมะลิก็มีแทบทุกส่วนก็ว่าได้ ไล่กันไปตั้งแต่รากเรื่อยไปจนถึงดอกทีเดียว รากของมะลิแก้ได้สารพัดโรค ทั้งปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก เลือดออกตามไรฟัน รวมทั้งช่วยรักษาหลอดลมอักเสบได้ด้วย หากนำรากมาฝนกินกับน้ำ แก้ร้อนในได้ดี คนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทรวงอก ให้นำรากมาประมาณ 1-1.5 กรัม ต้มน้ำกินก็ช่วยได้ ส่วนใบใช้แก้ไข้ที่เกิดจากอาการเปลี่ยนแปลงได้ดี รวมทั้งรักษาอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย หากนำใบมาตำแล้วละลายกับน้ำปูนใส แต้มแผลฟกช้ำ แผลเรื้อรัง โรคผิวหนังจะหายไวขึ้น ตลอดจนช่วยบำรุงสายตา และขับน้ำนมสตรีที่มีครรภ์ได้ด้วย สุดท้ายคือส่วนของดอก ซึ่งนอกจากความสวยและความหอมแล้ว ยังแก้โรคบิด อาการปวดท้อง หากตำให้ละเอียดพอกที่ขมับ แก้อาการปวดหัวและปวดหูชั้นกลางได้ แถมยังช่วยรักษาแผลพุพอง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รวมทั้งเป็นยาบำรุงหัวใจได้อย่างดีเยี่ยมอีกขนานหนึ่งด้วย นี่แหละคุณค่าของดอกไม้ไทยที่หาได้ง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว ใกล้ใจ และใกล้มือจริงๆ ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.lisaguru.com/homepage

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผลไม้ที่มีประโยชน์


กล้วยไข่ กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย จะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น สิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถ ในการจำกัดอนุมูลอิสระ ( Detoxification )ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเอง ก็คือ คุณต้องรับประทานอาหาร ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มาก ซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม


ฝรั่ง คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซี มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ


รวมรูป เพื่อนๆ